The Queen's Gambit
จำนวนตอน: 7
ปีที่ฉาย: 2020
เบธ ฮาร์มอนกลายเป็นเด็กกำพร้าหลังจากที่ผู้เป็นแม่เสียชีวิต เบธถูกรับเลี้ยงโดยบ้านเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งและได้ค้นพบว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในการเล่นหมากรุกจากการเล่นหมากรุกกับภารโรงชื่อมิสเตอร์ไชเบลในห้องใต้ดินของบ้านเด็กกำพร้า หลังได้รับการอุปการะโดยมิสเตอร์และมิสซิสวีทลีย์ เบธก็เริ่มเดินสายแข่งหมากรุก ฝ่าฟันอุปสรรคและคู่แข่งสุดหินรวมถึงปัญหาส่วนตัวอย่างการติดเหล้าและยาระงับประสาท
ซีรี่ส์เปิดเรื่องด้วยฉากการแข่งขันหมากรุกในกรุงปารีสระหว่างเบธกับบอร์กอฟซึ่งเป็นแชมป์หมากรุกรัสเซีย จากนั้นจึงย้อนไปเล่าเรื่องราวของเบธตั้งแต่วัยเยาว์ ดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรงผ่านมุมมองของเบธและใช้โครงสร้าง 3 องก์ที่เข้าใจง่าย ตัวเอกพบปัญหา เอาชนะ พบปัญหาใหม่ที่ท้าทายขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงไคลแมกซ์ของเรื่อง
เบธเป็นตัวละครหลักที่น่าเอาใจช่วย ในมินิซีรี่ส์ความยาว 7 ตอน เราจะได้ตามติดชีวิตของเด็กกำพร้าวัย 5 ขวบที่ค่อยๆ เติบโตเป็นเด็กสาวแต่งตัวปอนๆ ไปแข่งหมากรุกครั้งแรกที่คู่แข่งเกือบทั้งหมดเป็นผู้ชาย จนกระทั่งในที่สุดก็เติบโตเป็นแชมป์หมากรุกสาวสะพรั่งที่ใครๆ ต่างก็หลงเสน่ห์
การเป็นผู้หญิงในวงการที่ถูกครองด้วยเพศชายมาช้านานเป็นประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ ซีรี่ส์กล่าวถึงความเป็นหญิงในทศวรรษ 1960s อยู่บ่อยครั้งทั้งในทางตรงและทางอ้อม เบธใช้ชีวิตในวัยเด็กกับแม่เลี้ยงเดี่ยว เติบโตในบ้านเด็กกำพร้าที่มีแต่เด็กผู้หญิง หลังได้รับอุปการะก็อยู่กับมิสซิสวีทลีย์ตามลำพัง บทบาทของผู้หญิงในยุคนั้นยังคงถูกจำกัดอยู่กับการเป็นเมียและแม่ แต่เบธกลับกระโจนเข้ามาในวงการที่มีแต่ผู้ชาย แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่นักหมากรุกหญิงจะได้รับความเคารพนับถือจากคนในวงการ อย่างไรก็ตาม ความเป็นหญิงดูจะไม่ได้เป็นอุปสรรคกับเบธในแง่ของอาชีพมากนัก อย่างน้อยที่สุดเธอก็ไม่ได้ถูกเลือกปฏิบัติจากนักหมากรุกชายในเรื่องซึ่งอาจจะเป็นภาพที่ดูดีเกินจริงไปสักหน่อย แต่ซีรี่ส์ก็แสดงให้เราเห็นว่าภาพที่ควรเป็นของวงการหมากรุกเป็นอย่างไร นั่นคือการตัดสินกันด้วยฝีมือ เคารพกันและกันในฐานะนักกีฬา ไม่ใช่ด้วยเพศ
The Queen's Gambit เป็นซีรี่ส์เกี่ยวกับหมากรุกที่คนเล่นหมากรุกไม่เป็นก็ดูได้โดยไม่ต้องศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ในทางกลับกันคือเมื่อดูจบแล้วก็อาจไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับหมากรุกเพิ่มเติมเช่นกันเพราะในเรื่องไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกติกาหรือรูปแบบการเดินหมากมากนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าซีรี่ส์ต้องการโฟกัสไปที่ชีวิตของนักหมากรุกมากกว่าการเดินหมาก แต่โดยส่วนตัวแอบเสียดายเล็กๆ เพราะคิดว่าการเดินหมากก็เทียบเคียงได้กับการดำเนินชีวิต หากเชื่อมโยงวิธีการเดินหมากเข้ากับวิถีชีวิตของนักหมากรุกได้มากกว่านี้ก็คงน่าสนใจมากขึ้นสำหรับเรา
(อันที่จริงในเรื่องก็มีพูดถึงอยู่บ้างแต่ไม่ได้ลงรายละเอียด เช่น บอกว่าเบธเป็นพวกเปิดเกมเร็ว ถนัดชิงความได้เปรียบช่วงต้นเกม ซึ่งในชีวิตจริงเบธก็เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ชนะเลิศตั้งแต่ลงแข่งรายการแรก พอโตขึ้นก็มีช่วงที่เจอมรสุมชีวิตหนักจนเป๋ๆ ไปบ้างแต่กลับมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง เส้นเรื่องนี้ล้อไปกับการแข่งกระดานสุดท้ายที่รัสเซีย)
ในภาพรวมถือว่าเป็นซีรี่ส์ที่ดูสนุกแม้จะไม่ได้ตื่นเต้นหวือหวาอะไรมากมาย ฉากที่น่าประทับใจที่สุดคือฉากจบของเรื่อง เป็นฉากที่ตอบคำถามว่าสุดท้ายแล้วเราเล่นหมากรุกไปเพื่ออะไร และหากเปรียบเทียบกระดานหมากรุกเป็นโลกที่เราใช้ชีวิตอยู่ ฉากนี้ก็ตอบคำถามเช่นกันว่าสุดท้ายแล้วเรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร

0 comments:
Post a Comment